สวัสดีคะเพื่อนๆชาวสตีมมิตทุกคน
ปัจจุบันนี้พวกเราใช้ชีวิตอยู่ในโลก offline ถึงแม้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆสมัยนี้ จะผ่านมือถือและระบบการค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ 90% ของเงินทั้งหมดยังถูกใช้ในโลก offline อยู่ดี และพวกบริษัทซื้อขาย online รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคไปปรับใช้เพื่อเก็งกำไรมหาศาล แถมข้อมูลในโลก offline ส่วนใหญ่จะเก็บได้ยากยกเว้นจะมีระบบสมาชิกของลูกค้าที่ซับซ้อนพอ ไม่อย่างนั้นผู้ขายจะไม่มีทางรู้ได้ว่าลูกค้าที่พึ่งเดินออกจากประตูร้านคือใคร และไม่มีวิธีสื่อสารกับลูกค้าท่านนั้น
วันนี้มีบริษ้ทเกาหลีซึ่งกำลังจะ ICO ที่ชื่อว่า Carry Protocol ซูได้ไปเข้าร่วมและแปลใน First Global Official Meet up มีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเริ่มจากทาง CEO ชื่นชอบในการดื่มกาแฟมากโดยวันนึงจะดื่มราว 4-6 แก้วแล้วแต่วัน ด้วยความที่ดื่มเป็นจำนวนเยอะจึงได้บัตรแสตมป์สะสมมาเยอะเช่นกัน เขารู้สึกไม่สะดวกที่จะพกบัตรต่างๆพวกนี้ติดตัวตลอดเพราะฉะนั้นเวลาได้มาเขาก็จะทิ้งมันไว้ที่โต๊ะทำงาน แล้วจะมาเจอเวลาที่เก็บทำความสะอาดทีเดียวถึงสามารถรวบเอาไปแลกกาแฟที่ร้านได้และคิดว่ามันมีวิธีที่ดีกว่านี้สำหรับผู้ขายในการสนับสนุนความสม่ำเสมอของลูกค้า
เขาได้เริ่มบริษัทที่ชื่อมา spoqa ในปี 2011 โดยการจากสร้าง tablet เพื่อเป็นกลยุทธ์มัดใจลูกค้า โดยขอความร่วมมือจากร้านกาแฟต่างๆให้ติดตั้งเครื่องและซอฟต์แวร์ มีลูกค้าจำนวนมากได้ให้ความร่วมมือและใช้บริการนี้
ตั้งแต่ปี 2011 Spoqa ได้พัฒนาสินค้าและฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง บริษัทได้เติบโต และทำธุรกิจกับพันธมิตรสำคัญอย่าง kakao, line และ facebook ปัจจุบันทางบริษัทได้ร่วมทำงานกับร้านค้าและแบรนด์ร่วม 10,000 ร้านยกตัวอย่างตามที่เห็นในสไลด์ สำหรับแหล่งเงินทุน ที่ผ่านมาทางบริษัทได้ระดมมากกว่า 11 ล้าน$ มาดำเนินโปรเจ็คต่างๆ
ในเมื่อ tablet ที่ติดตั้งเชื่อมกับเครื่อง Point of Sales ของทางร้านค้า เราจึงได้รับข้อมูลว่าผู้บริโภคซื้ออะไร รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้า รวบรวมเป็นข้อมูลการดำเนินการ offline ที่รวมมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้าน$ และสามารถรู้ได้ว่าใครชอบเบียร์หรือไวน์ ใครชอบพิซซ่าต่อเส้นหมี่ การใช้จ่ายที่ร้านทำผมโดยเฉลี่ยก็รู้เหมือนกัน ดูได้ว่าคุณมีสัตว์เลี้ยงหรือไม่ แล้วล่าสุดซ่อมรถเมื่อไหร่
Spoqa ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาของตลาด offline ทั้งหมด แต่ได้ระบุปัจจัยสำคัญของตลาด
ร้านค้าต่างๆไม่เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า
‣ ร้านค้าต้องจำลองทรัพยากรเพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้า ‣ ลูกค้าต้องกรอกเพื่อแบ่งปันข้อมูล ‣ ลูกค้าไม่ได้มีแรงพลักดันในการแบ่งปันข้อมูล
ลูกค้าไม่มีสิทธิในข้อมูลของตนเอง
‣ ลูกค้าไม่สามารถมองเห็นข้อมูลที่มีอยู่ในระบบ ‣ ลูกค้าไม่ทราบว่าข้อมูลต่างๆนั้นถูกนำเอาไปใช้ยังไง ‣ ลูกค้าไม่ได้รับผลประโยชน์จากข้อมูลที่ถูกนำเอาไปใช้
วิธีการวัดของโฆษณาพิสูจน์ไม่ได้และติดตามยาก
‣ การเลือกตลาดเป้าหมายสำหรับร้านค้า offline นั้นทำได้ยาก ‣ ผลงานโฆษณาพิสูจน์ไม่ได้และไม่โปร่งใส ‣ ผลงานโฆษณาติดจามวัดผลได้ยาก
https://www.youtube.com/watch?v=bTDhITtAoVc
ในการแก้ไขปัญหาทางบริษัทจึงตัดสินใจที่จะใช้ระบบ blockchain
# อะไรคือ Carry Protocol ? Carry พร้อมที่จะรับใช้ คน 3 แบบ ร้านค้า เก็บข้อมูลของลูกค้าและสื่อสารในลำดับต่อๆไป
ลูกค้า ควบคุมข้อมูลของตนเอง เลือกที่จะไม่ระบุตัวตนหรือสร้างรายได้
ผู้ลงโฆษณา ปฎิบัติการขายที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและมีประสิทธิภาพ
 [Source](https://i1.wp.com/www.cryptoze.com/wp-content/uploads/2018/06/Carry-Protocol-Review.jpeg?resize=680%2C405) **เผื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย ทางบริษัทได้สร้าง token 2 แบบ** # Carry Token (CRE) +ซื้อขายบนพื้นที่หรือเว็ปไซด์แลกเปลี่ยน +ลูกค้ามอบข้อมูล และได้รับ CRE +ลูกค้าได้รับข้อมูล และได้รับ CRE -(ร้านค้า/ผู้ลงโฆษณา) ดำเนินการกับ Smart Contract พื่อแจกจ่าย BT - (ลูกค้า) แจกจ่ายสำหรับสินค้าหรือบริการ # Branded Tokens (BT) + Token ร้านค้า หรือ แบรนด์แจกจ่ายให้ลูกค้า +โปรแกรม สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ สะสมแต้ม, คูปอง, บัตรเติมเงิน โฆษณา # Pre-sale และ Crowdsale Pre-sale ที่ผ่านมาของบริษัท ได้รับ 550 ผู้สนับสนุน จาก 61 ประเทศ โดยเฉลี่ย 9 ETH และเสร็จสิ้นใน 98 วินาที รวม (5,000 ETH ) ส่วน Crowdsale จะเริ่มการเข้าระบบผ่านการยืนยันตัวตน เปิด 11 สิงหาคมและเริ่มการระดมทุน 26 สิงหาคมนี้ !!! # Road Map ของ Project นี้  [Source](https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQ7o5WiRjPgH_P9x3CM__pn3kFW_gdTtF3nTFLGwk5OGQQuUDyA4A) ส่วนตัวเองซูยังคอยศึกษาและมองดูเรื่อยๆเพื่อเวลาตลาดกลับมาแข็งแรงเราจะได้มีความรู้และเข้าใจที่จะตัดสินใจได้มากดียิ่งขึ้น Carry protocol ถือว่ามี concept ที่น่าสนใจและมีบริษัทที่ประสบความสำเร็จรองรับไอเดียอยู่แล้วรวมกับระบบการใช้เหรียญที่ไม่ซับซ้อนจนเจอไป ตอนนี้ถือว่ายังมีโปรเจ็กดีๆที่ออกมาให้เราเห็นเรื่อยๆ แต่ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่หลายๆคนยังไม่อยากลงทุนในโปรเจ็กใหม่ๆ เพราะมีโอกาสที่หลายๆโปรเจ็กจะล่าช้าเพราะราคาตลาดโดยรวม เพราะฉะนั้นการลงทุนมีความเสี่ยงและผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอนะคะ    I hope you enjoy This post !! Thank you for your support Comments, Resteem and Votes Much love, Suzana 